เสี่ยโบ๊ทระบาย หลังแฟนมวยคอมเมนต์กรณีดราม่าศึกเพชรยินดี
เสี่ยโบ๊ทระบาย “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดี ตอบคอมเมนต์แฟนมวยถึงเรื่องราววุ่นวายในคู่ระหว่าง แป๊ะยิ้ม ส.บุญมีฤทธิ์ กับ กระดูกเหล็ก อ.อัจฉริยะ
เสี่ยโบ๊ทระบาย หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายสำหรับในการแข่งมวยไทยศึกเพชรยินดี ในคู่ระหว่าง แป๊ะยิ้ม ส.บุญมีฤทธิ์ กับ กระดูกเหล็ก อ.อัจฉริยะ ที่ข้างหลังการต่อยมีเซียนมวยขึ้นเวทีต่อต้านการตัดสินของผู้ตัดสิน ที่สนามแข่งมวยราชดำเนิน เมื่อค่ำคืนที่ผ่าน
ปัจจุบันมีคนรักมวยรายหนึ่งไปได้คอมเมนต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ “อาเสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดี วิจารณ์ถึงการกลับคำวินิจฉัยของผู้ตัดสินแล้วก็กระบวนการทำหน้าที่ของคณะทำงาน https://www.edmontondiscgolf.org/
ก่อนเสี่ยโบ๊ท จะมาตอบคอมเมนต์ด้วยตัวเองว่า “ผมเป็นโปรโมเตอร์มวย มีบทบาทจัดมวยครับผม ผมให้ประธานเคล็ดลับเป็นคนตัดสินใจว่าจะยกเลิกหรือเปล่า มิได้มีการแนะนำหรืออะไรทั้งมวล จะให้ผมทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเลยหรอนะครับ หน้า ที่ความสงบเรียบร้อยเป็นของเวที คุณไม่ลองยืนตรงที่ผมยืนเวลานี้บ้าง อยู่บ้านแล้วมัวแต่โวยวาย ผมเสียหายที่สุด เพราะว่าคู่เอกมิได้ต่อย ผู้ช่วยเหลือไม่จ่ายค่าโฆษณา ช่องโทรมาด่า แล้วยังจะต้องมาอ่านคอมเม้นอย่างงี้อีก”
“ผมกับบิดาผม2คนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเซียนมวยกับผู้ตัดสิน เพื่อกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายมากไปกว่านี้ ถ้าหากมีการรังแกกัน ผมกับบิดาผมโดนก่อนนะครับ บิดาผมอายุ 75 ปีแล้วครับ ยังจะต้องมาเสี่ยงพบอะไรแบบงี้อีก เห็นอกเห็นใจกันบ้างเหอะครับผม”
“ก็พวกเราอายุน้อย เขาเห็นว่าพวกเรามันเด็กเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ได้เป็นโปรโมเตอร์เนื่องจากบิดา ก็จำต้องพิสูจน์ตนเอง ประพฤติดีเท่าบิดา เป็นเท่าทุน หากทำดีกว่าพ่อก็ผลกำไร แต่ว่าถ้าหากประพฤติดีได้ไม่เท่าบิดา เอ็งก็ตายในแวดวงมวย ไม่มีผู้ใดจำชื่อ”
ความสำเร็จ ไม่ใช่มรดกซึ่งสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ เหมือนกับนามสกุล หรือ ทรัพย์สินเงินทอง เพราะว่าสูตรของการบรรลุเป้าหมายเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
ประโยคข้างต้น ได้รับการรับรองอย่างดีเยี่ยม เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงยัง “เพชรยินดี คิงส์ดอม” สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ขนาดใหญ่บริเวณจรัญสนิทวงศ์ กรุงเทพมหานครฯ
ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างตรงนี้ ดูทันสมัย หรูหรา มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม กระทั่งแทบจะเชื่อว่าว่า สถานที่ที่นี้ ถูกปรับเปลี่ยนมาจากค่ายซ้อมมวยเพชรยินดี บ็อกสิง โปรดักชั่น (เดิม) ที่เคยสร้างนักชกมวยไทย และก็มวยสากลอาชีพโด่งดังประดับวงการเยอะมาก
เพราะเหตุว่าหลักฐานที่อยู่เบื้องหน้า ช่างต่างกันกับภาพจำในหัวที่ว่าค่ายฝึกมวยไทยจะต้องเป็น วิกสังกะสี ฟุ้งไปด้วยกลิ่นกระสอบทราย แล้วก็น้ำมันมวย มวยไทย
ไม่กี่อึดใจ “โบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ผู้สืบสกุลรุ่นสอง แล้วก็ประธานอาณาจักรมวยไทย เพชรยินดี ที่ลงทุนสร้าง สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ค่ามากยิ่งกว่า 100 ล้านบาท ออกมาต้อนรับพวกเราตรงเวลาที่นัดหมายไว้ ก่อนไปสู่วงพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ ราวกับที่พวกเราเคยได้เห็นเขาผ่านสื่อมาก่อนหน้านี้
หลายๆคนบางทีอาจรู้จักรวมทั้งจ้องเขา ในฐานะลูกชายของ “อาเสี่ยเน้า” วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ตำนานโปรโมเตอร์ของแวดวงหมัดประเทศไทย ผู้จัดตั้งค่ายซ้อมมวยเพชรยินดี ตั้งแต่ พุทธศักราช2519 แม้กระนั้นพวกเรากลับพอใจแล้วก็ต้องการทำความรู้จักตัวตนที่จริงจริงของเขามากยิ่งกว่าเพียงแค่เรื่องที่ว่า เขาเป็นลูกใครกันแน่?
อย่างน้อยที่สุดที่ทุกคนควรจะทราบ ในวัย 31 ปี “โบ๊ท ณัฐเดช” สามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยมี โปรโมเตอร์มวยไทยผู้ใดกันแน่ ทำเป็นมาก่อน ด้วยการผลิตสถิติเก็บค่าเข้าชมมวยไทยในเวทีมาตรฐานได้สูงสุดนิรันดร เป็นเงิน 4,534,200 บาท ในรายการฉลองวันครบรอบเวทีราชดำเนินปีที่ 73 เมื่อช่วงปลายปีให้หลัง คัมโบโซสรีแมตช์
อย่างที่พวกเราบอกไปข้างต้น การบรรลุผลเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะส่งต่อกันได้ ทุกคนต่างจำต้องค้นหาสูตรสำเร็จของตนเอง ซึ่งผู้ชายคนนี้ ก็มองมีอะไรที่น่าค้นหา มากยิ่งกว่าจะวินิจฉัยหรือดูเขา จากแค่นามสกุล เพียงเท่านั้น
“ตอนเด็กๆเวลามีคนใดถามคำถามว่า ที่บ้านเลี้ยงชีพอะไร ทุกคนก็จะสงสัยว่า ‘โปรโมเตอร์’ เป็นยังไง? มันเป็นอาชีพที่แปลกในสังคมไทยสำหรับคนธรรมดาทั่วไป มีไม่กี่คนหรอกที่ทำอาชีพนี้ แถมยังถูกเห็นว่าเป็นมาเฟีย พวกกลุ่มอันธพาล เพราะเหตุว่าเคยมีเหตุยิงกัน วางระเบิดในสนามแข่งมวย”
“แต่ว่าพวกเราก็มิได้มีความคิดว่ามันอันตรายนะ ตั้งแต่จำความไว้ ทุกเย็นข้างหลังเรียนเสร็จ บิดาก็พามาเวทีมวย จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นกิจวัตรประจำวัน รวมทั้งทำให้พวกเรารู้สึกตัวมาตั้งแต่เด็กเลยว่า โตขึ้นไปต้องการทำอาชีพอะไร”
ถ้าหากย้อนไป 20 ปีที่ผ่านมา ภาพของเด็กผู้ชายวัยกำลังสวย ที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานสนาม ข้างในสนามแข่งมวยเวทีลุมพินี และก็ราชดำเนิน เป็นภาพที่คุ้นหน้ากันอย่างยอดเยี่ยมของ นักข่าว นักต่อย เซียนมวย แม้กระนั้นอาจไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า เด็กน้อยที่ทุกคนในสนามมวยเรียกกันว่า “น้องโบ๊ท” จะเปลี่ยนมาเป็นผู้กลับโฉมแวดวงมวยไทยในอีก 2 ทศวรรษถัดมา
หากแม้เขาจะเลือกเล่นกีฬาบอล มาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งขั้นเคยมีชื่อติดเยาวชนกลุ่มชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ไปแข่งขันยังต่างชาติ รวมทั้งเล่นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ ธีรศิลป แดงดา รวมทั้ง ศักรินทร์ จันทร์โยธา สองวันเดอร์คิดส์ของแวดวงบอลไทยสมัยนั้น
แต่ว่าลึกๆในใจ ณัฐเดช กลับมิได้มีเป้าหมายต้องการเป็นนักเตะ ความฝันเพียงอย่างเดียวของ ณัฐเดช เป็นการถักต่ออาชีพโปรโมเตอร์มวยจาก วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ผู้เป็นบิดา มาตั้งแต่ทีแรกเริ่ม ตราบจนกระทั่งการไปศึกษาต่อไฮสคูลในตอนมัธยมศึกษาตอนปลายที่ ประเทศออสเตรเลีย
ได้สร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นให้ ณัฐเดช อีกมากมาย จากประโยคคำถามเดิมกับที่เคยตอบมาแล้ว ตอนอยู่เรียนที่ประเทศไทยว่า “พ่อคุณทำอะไรอาชีพ?”
“พวกเราก็ตอบอย่างเดิมว่า บิดาพวกเราเป็นโปรโมเตอร์ เชื่อไหม ฝรั่งทุกคนรู้สึกตื่นเต้น พูดว่ามันเป็นอาชีพที่เท่ ไม่เหมือนกันกับสายตาคนประเทศไทย เวลาพวกเราพูดว่า บิดาเป็นโปรโมเตอร์มวย คนจะรู้สึกกลัวว่า บิดาพวกเราจะเป็นอันธพาลหรือไม่ มีลูกน้องเดินตามมาไหม”
“ความเป็นจริงบิดาผม ไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย พ่อก็เป็นเพียงแค่คนเดินดินคนหนึ่งที่ทำธุรกิจ เกี่ยวกับมวย ในสายตาบิดามารดาของสหายที่เป็นคนประเทศไทย อาจไม่ต้องการให้มายุ่งกับพวกเรามากมาย เนื่องจากกลัวบิดาพวกเรา แต่ว่าตอนไปอยู่ออสเตรเลีย เขาคิดว่าครอบครัวพวกเราแจ๋วนะ มีแต่ว่าสหายต้องการเข้ามาคุยกับพวกเรา”
“มันทำให้ผมคิดว่าตนเองมาถูกทางแล้ว เวลานี้พวกเราต้องการทำให้ ค่ายฝึกมวยเพชรยินดี โกอินเตอร์ ไปอยู่ในสุดยอดให้ได้ เนื่องจากว่าในสายตาคนต่างประเทศ เขาเห็นว่า มวยไทย เป็นกีฬาที่โคตรเท่ พวกเราคงจะต่อยอดได้อย่างแน่แท้ ข้างหลังจบไฮสคูล ผมก็มาเริ่มดำเนินงานที่ค่าย ในตำแหน่งผู้ช่วยโปรโมเตอร์ตอนอายุ 18 ปี”