ซัดกันด้วยหมัดเปล่า กีฬาซัดกันด้วยหมัดเปล่าที่พิสูจน์ว่า “พวกเขามิได้อำมหิต”

0
ซัดกันด้วยหมัดเปล่า

ซัดกันด้วยหมัดเปล่า ไม่มีอะไรจะตื่นเต้นไปกว่าการต่อสู้และก็เผชิญหน้ากันของสองยอดความสามารถบนสังเวียน

ซัดกันด้วยหมัดเปล่า คำว่าหมัดต่อหมัด เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้ลูกผู้ชาย (รวมทั้งลูกผู้หญิง) ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยืนขึ้นเพื่อชิงความเป็นเยี่ยม แต่ บางบุคคลกลับไม่ต้องการที่จะอยากเดินตามวิถีนั้น การต่อยแบบมวยสากล หรือเอ็มเอ็มเอ ก็ยังไม่หนักแล้วก็ยังไม่สะท้อนความเป็นคนนักสู้ได้มากพอเพียง

ชายคนหนึ่งก็เลยพากเพียรพิสูจน์ว่าคนจริงจำต้องซัดกันด้วยหมัดเปล่า รวมทั้งสิ่งที่เขาพากเพียรอีกทั้งเป็นการบอกโลกให้รู้ดีว่า “หมัดเปล่า” ปลอดภัยกว่า และไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่คนใดคิด เรื่องราวเป็นยังไง ? ติดตามได้กับ เมนสแตนด์ มือเปล่ามา 300 ปี เคยผ่านมาก่อน

การต่อสู้เป็นกีฬาจำพวกแรกที่อยู่กับมนุษย์ชาติและก็ทุกคนสามารถรู้เรื่องข้อตกลงกันอย่างดีเยี่ยม คนใดหนักแน่นขว่า, ผู้ใดกันแน่ทรหดอดทนได้มากกว่า, คนไหนกันแน่เอาจริงเอาจังกว่า รวมทั้งผู้ที่ยืนอยู่เป็นคนในที่สุด คนคนนั้นเป็นผู้ชนะ การวินิจฉัยที่ง่ายอย่างยิ่งและก็กระบวนการที่ผู้ใดก็รู้เรื่อง

คนสองคนขึ้นต่อสู้กันแล้วก็หาผู้ชนะ กล้วยๆอย่างนั้น สิ่งกลุ่มนี้ทำให้โลกที่การต่อสู้ถูกปรับปรุงรวมทั้งปรับเปลี่ยนเป็นแนวทางต่างๆเยอะแยะ จากที่คนสมัยเก่าเคยซัดกันด้วยหมัดเปล่า ไม่ว่างระบุ แล้วก็ใส่กันจนกระทั่งล้มไปข้างหนึ่ง ความดิบไม่มีอารยธรรมที่สู้กันจนตายก็แปรไปตามความเจริญของโลก

ในที่สุดขณะนี้พวกเราก็ได้มองเห็นกีฬาอย่าง มวยไทย, มวยสากล, เทควันโด, มวยปล้ำ รวมทั้ง ศิลป์การต่อสู้แบบประสมประสาน (เอ็มเอ็มเอ) หรือที่คนไม่ใช่น้อยเรียกว่า มวยกรง จนถึงแปลงเป็นกีฬาที่ได้รับการยินยอมรับจากคนดูและยังถูกกฎหมายอีกด้วย

สิ่งที่ทำให้กีฬากลุ่มนี้เป็นที่ยอมรับได้ บางครั้งอาจจะเป็นเนื่องจากความปลอดภัยที่มากขึ้นกว่าการต่อสู้กันของผู้คนในสมัยเก่าๆทุกกีฬาต่างมีข้อตกลงและก็เครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยเซฟตี้ ทำให้มันไม่อำมหิตเกินกว่าคำว่ามนุษย์เหลือเกิน

แต่ ใครอีกหลายๆคนไม่ได้ถูกใจความปลอดภัยด้วยเหตุว่ามั่นใจว่ามันไม่ท้าทาย กลุ่มคนเหล่านี้มั่นใจว่าการต่อสู้จะเพอร์เฟ็คก็เมื่อได้ยินเสียงของกระดูกชนกัน เหม็นกลิ่นคาวเลือด และก็สังเวียนที่แดงเถือกจากแผลแตกของนักสู้บนเวที

ซัดกันด้วยหมัดเปล่า

ซัดกันด้วยหมัดเปล่า สูงสุดคืนสู่สามัญ

การต่อยแบบหมัดเปล่าลุ่นๆไม่มีเซฟตี้ เคยได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษในตอนศตวรรษที่ 16 และก็ในตอนนั้นมิได้มีปัญหาเรื่องความทารุณไร้มนุษยธรรมอะไรก็ตามทั้งหมดทั้งปวง ขณะนั้นมิได้มีการเรียกว่าการต่อยหมัดเปล่า

แม้กระนั้นมันถูกเรียกว่า บ็อกซิ่ง หรือการชกมวยปกตินั่นแหละ การประลองที่ข้างแพ้เจ็บเจียนตายนับว่าเป็นเรื่องธรรมดา แล้วก็เปลี่ยนเป็นความเพลิดเพลินซึ่งสามารถยั่วยวนใจคนให้เข้ามาพึงพอใจ

มีการเจอบันทึกจากปี 1681 จากโบสถ์นิกายนิกายโปรเตสแตนท์ว่า เคยมีการต่อยระหว่างทหารเอกของดยุยงกที่อัลเบมาร์ลปะทะกับผู้แทนจากฝั่งพลเมืองเป็นพ่อค้าขายเนื้อ ก่อนที่จะในศตวรรษที่ 17 การชกมวยนับว่าเป็นผู้แทนของความเป็นลูกผู้ชาย

นักมวยจะถูกชมเชยให้เป็นผู้ชำนาญเรื่องศาสตร์การปกป้องตัวชั้นสูง ข้อตกลงการต่อยในสมัยแรกๆนั้นไม่มีอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีการแบ่งรุ่นน้ำหนัก ไม่มีการจำกัดยก สามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายได้หมด แล้วก็สิ่งนั้นก็ถูกส่งต่อมาเรื่อยมีการเพิ่มข้อตกลงรวมทั้งเพิ่มการดูแลเรื่องความปลอดภัย จนถึงเปลี่ยนเป็นการชกมวยแบบในตอนนี้

แต่ทว่าอย่างที่บอกไป เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีกลุ่มชนที่อยากได้นำการต่อสู้กันเริ่มแรกกลับมา การต่อยที่ไม่ต้องมีอะไรมากั้น เพียงแต่ว่าสิ่งนี้ไม่เคยถูกต้องตามกฎหมาย การต่อยแบบไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือคุ้มครองและก็ไม่มีนวม

ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ไร้มนุษยธรรมเกินความจำเป็น จนถึงจะต้องแอบตั้งขึ้นชมรมแล้วก็จัดแจงแข่งกันในต้นแบบ “งานใต้ดิน” ตราบจนกระทั่งความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในบาร์แห่งหนึ่งที่สหรัฐฯ ในตอนราว 10 กว่าปีกลายเพียงแค่นั้น

มีชายคนหนึ่งที่มั่นใจว่าจะสามารถส่งเสริมการต่อยแบบ กางร์นักเคิล หรือการต่อสู้แบบหมัดเปล่าให้ถูกตามกฎหมายได้ ชื่อของเขาเป็น เดวิด เฟลด์แมน เฟลด์แมนเป็นเจ้าของบาร์แห่งหนึ่งที่คลั่งไคล้สำหรับเพื่อการชกมวยมากมาย มวยไทย

ในอดีตกาลเขาเคยขึ้นสังเวียนในเวทีระดับมาตรฐานมาก่อน เขาได้เจอกับนักมวยชาวแคนาดาชื่อว่า บ็อบบี้ กันน์ ที่กล่าวว่าในความเป็นจริงแล้วการต่อยด้วยหมัดเปล่าเป็นวิถีที่เหมาะสมกับมนุษย์สูงที่สุด โดยนักต่อยคนนั้นมานะจะพูดว่า ครอบครัวของเขามีประเพณีของชาวไอริช มันเป็นวิถีแบบ “เซลติก”

การต่อยกันด้วยมือไม่ถือได้ว่าเป็นการหยุดข้อโต้เถียงเวลามีกิจกรรมในครอบครัวใหญ่เจริญที่สุด โดยตัวของ กันน์ บอกกับเฟลด์แมน แล้วก็จุดประกายการสนับสนุนว่าการต่อยด้วยหมัดเปล่าเซฟร่างกายของมนุษย์ได้มากกว่าการต่อยแบบใส่นวมแน่ๆ

เฟลด์แมนเองก็ชื่นชอบในความดิบนี้ เขาทดลองบากบั่นหาทางปลุกกระแสมวยหมัดเปล่าให้เกิดขึ้น โดยเริ่มก่อไฟในปี 2006 โดยเริ่มจากการจัดเวทีต่อสู้แบบผสมก่อน แม้กระนั้นก็มิได้ได้รับความนิยมหรือมีชื่อเสียงอะไรนัก จวบจนกระทั่งในปี 2014

เฟลด์แมนนั่งเปิดทวิตเตอร์และก็พบว่ามีการลงคลิปของเหล่านักสู้มือเปล่า ที่อัพโหลดโชว์ไฟต์ต่างๆในอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งทำให้ตัวของเฟลด์แมน กลับมาตื่นเต้นกับการต่อสู้อย่างงี้อีกที พร้อมทั้งตั้งมั่นจะพิสูจน์เรื่องความปลอดภัยของมัน

เพื่อจัดให้มีการจัดชิงชัยการต่อยหมัดเปล่าแบบถูกต้องตามกฎหมายได้ในอนาคต “ผมมองเห็นรวมทั้งผมบอกคนอื่นโดยทันทีว่า ผมมีไอเดียจะที่ทำให้มันเป็นการชิงชัยชิงชนะเลิศโลกที่ถูกตามกฎหมาย แต่ว่าผู้คนจำนวนมากพูดว่าให้ลืมไปได้เลย เพราะเหตุว่าหัวข้อนี้เคยมีคนคิดจะส่งเสริมให้เกิดมาก่อนสุดแต่ก็โดนไม่ยอมรับไปทั้งหมดทั้งปวง สิ่งที่คือปัญหามาตลอดเป็นพวกเขาคิดว่ามันอันตรายกับนักต่อยนั่นแหละ” เฟลด์แมนกล่าว

แม้ว่าจะถูกห้าม แต่ว่าขั้นต่ำๆ เฟลด์แมนก็ได้ทราบว่าปัญหาที่ทำให้การต่อยหมัดเปล่าไม่ผ่านคณะกรรมการเป็นจุดไหน และก็เขาควรต้องมานะปรับแต่งมันให้ได้ เพื่อมันถูกตามกฎหมายดังที่หวังไว้หากจะให้เป็นกีฬาสากล

ซัดกันด้วยหมัดเปล่า

เป็นจริงได้ด้วยการยืนยัน

เฟลด์แมนจะต้องบากบั่นพิสูจน์หลายแบบ เขาพากเพียรขอร้องจาก ดานา ไวท์ ประธานยูเอฟซี ชมรมเอ็มเอ็มเอ เบอร์ 1 ของโลก รวมทั้งเจ้าพ่อที่แวดวง เพื่อช่วยส่งเสริม แม้กระนั้น ไวท์ ตอบกลับแบบไม่สนใจ และก็มั่นใจว่าฝันของเขาจะไม่เป็นจริงแน่ๆ

เฟลด์แมนได้แม้กระนั้นกล่าวว่า “ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นคุณกับผม พวกเราเตรียมความพร้อมไปพบกันบนดินอีกครั้งก็ได้ พวกเราเพียงแค่ไปเคาะประตูบ้านแล้วโดนประตูบานนั้นชนหน้า” เฟลด์แมนกล่าว พร้อมเสริมว่า “ผมเข้าไปภายในโดยทราบว่ากำลังจะถูกไม่ยอมรับ แม้กระนั้นก็ไม่ทันได้คิดว่าจะถูกไม่ยอมรับอย่างสม่ำเสมอขนาดนี้”

เฟลด์แมนเดินหน้าขอคำแนะนำจากทุกทาง และก็พบว่าสิ่งที่เขาขาดเป็น ข้อตกลงที่ครอบคลุมเรื่องสุขภาพรวมทั้งร่างกายของนักต่อย เขาจำเป็นที่จะต้องทำให้ทุกคนไม่มีอันตราย เอาง่ายๆเป็นเจ็บตัวได้ตามธรรมชาติของกีฬาต่อสู้ แต่ว่าข้อแย้งเป็นต้องห้ามเสี่ยงตายจนมากเหลือเกิน เนื่องจากว่าโน่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนกลัวการต่อยแบบหมัดเปล่า

โดยเหตุนี้เขาก็เลยร่างกฎขึ้นมา 10 ข้อ เพื่อให้มีความปลอดภัยกับอีกทั้งนักต่อย แล้วก็ผู้ชมก็จะสามารถดูได้โดยไม่หวาดเสียวและก็หม่นหมองจนถึงเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่น ต่อย 5 ยก ยกละ 2 นาที เมื่อมีเลือดไหลจนกระทั่งมีผลต่อทัศนวิสัยสำหรับในการต่อสู้ของนักต่อย อนุญาตให้หยุดห้ามเลือดได้ 30 วินาที

นักสู้สามารถใช้เทปพันที่ข้อมือ นิ้วโป้ง แล้วก็ฝ่ามือได้ ด้วยผ้าพันแผลครึ้มไม่เกิน 2.5 มิลลิเมตร อนุญาตให้ใช้การต่อยสิ่งเดียวเพียงแค่นั้น จำต้องใช้ “หมัด” ที่กำเอาไว้สนิท ตบหรือตีมิได้เด็ดขาด เช่นเดียวกันกับการใช้อาวุธอื่นๆอย่างหมัด หัวเข่า ศอก ฯลฯ

“ผมไม่เคยพูดว่าบีเคบี ไม่มีอันตรายกว่าการชกมวยหรือเอ็มเอ็มเอ หากแม้คนอีกจำนวนไม่น้อยจะละเลยสิ่งนี้ แต่ว่าที่ผมกล่าวมาตลอดเป็น การต่อยบีเคบี มิได้อันตรายอย่างยิ่งไปกว่าการต่อสู้ไหนๆทั้งหมด” เฟลด์แมนกล่าว นอกเหนือจากออกกฎเรื่องความปลอดภัยแล้ว

เฟลด์แมนยังอ้างอิงงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยโดย ดร.ดอน มุซซี่ ประธานสโมสรหมอริงไซด์ ที่ศึกษาค้นพบว่าการต่อยหมัดเปล่าอาจทำให้ร่างกายมีแผลง่ายขึ้น และก็มีรอยช้ำมากยิ่งกว่าการชกมวยธรรมดา แต่ว่าหมัดเปลือยๆนั้นไม่มีอันตรายสำหรับสมองของนักสู้มากยิ่งกว่าการชกมวยแบบใส่นวม และยังรวมไปถึงนวมแบบเอ็มเอ็มเอ ด้วย

“การบาดเจ็บที่สมองมีความจำเป็นแล้วก็เป็นภัยรุกรามต่อนักกีฬาพวกนี้มากยิ่งกว่า รวมทั้งโน่นเป็นสิ่งที่พวกเราควรจะให้ความเอาใจใส่ รอยแผลไม่ใช่เรื่องสำคัญพอๆกับการเจ็บสะสมด้านใน ถ้าเกิดมีแผลแตก ผมก็แค่เย็บปิดแผล มันจะใช้เวลาเพียงแค่ 45 วัน แล้วหลังจากนั้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็จะกลับมาธรรมดามากยิ่งกว่า 90%”

ดอน มุซซี่ ที่คราวหลังได้มาดำเนินการกับ สัมพันธ์ต่อสู้หมัดเปล่า กล่าว ด้วยกฎที่ครอบคลุม แล้วก็การยืนยันด้วยข้อมูลทางด้านการแพทย์ที่ว่า แม้ว่าจะมองร้ายแรงแม้กระนั้นไม่เป็นอันตรายกับนักต่อยมากยิ่งกว่า ทำให้ที่สุดแล้วในปี 2018 ชมรมมวยหมัดเปล่า (บีเคเอฟซี) ก็ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เวลานี้พวกเขาขึ้นมาบนดินตามคำท้าที่เฟลด์แมน ได้ให้ไว้กับ ดาน่า ไวท์ ที่ยูเอฟซี แล้ว

ในเวลานี้บีเอฟเคซี เติบโตขึ้นเรื่อยพวกเขามีผู้สนับสนุนเข้ามากมายตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แล้วก็เฟลด์แมนบอกอีกว่า เวลานี้เขามีนายทุนใหญ่ที่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยชื่อได้อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง มีการสร้างสำนักงานใหญ่ขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เมืองเพนซิลเวเนีย

รวมทั้งสามารถดึงนักสู้โด่งดัง โดยเฉพาะอดีตกาลนักสู้เอ็มเอ็มเอ มาร่วมศึกได้หลายราย ไม่ว่าจะเป็น อาร์เตม โลบอฟ ลูกน้องคนคุ้นเคยของ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ คนมีชื่อเสียงที่แวดวงศิลปะการต่อสู้แบบประสมประสาน, เฮคเตอร์ ลอมบาร์ด อดีตกาลแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวต รวมทั้ง เพจ วานซานต์ นักสู้สาวสุดฮอต แต่ในช่วงเวลาที่หลายสิ่งกำลังเข้าที่เข้าทางบีเคเอฟซี ก็มีปัญหาหยกๆ

เมื่อ จัสติน ธอร์นตัน นักต่อยวัย 38 ปีบาดเจ็บร้ายแรงข้างหลังแพ้น็อกให้ ดิลลอน เช็คเลอร์ สำหรับเพื่อการขึ้นชกที่เมืองมิสสิสซิปปี เมื่อส.ค. โดยในจังหวะดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เขาโดนหมัดขวากระแทกเข้าเต็มหน้า ก่อนลงไปนอนสลบโดยการเอาหน้าลงพื้น ก่อนที่จะผู้ตัดสินจะสั่งจบการแข่งขันชิงชัยด้วยเวลาเพียงแค่ 19 วินาทีในยกที่ 1 เพียงแค่นั้น

และก็เขาก็ถูกนำตัวส่งโรงหมอในทันที ภายหลังจากไปถึงโรงหมอ ธอร์นตัน มีลักษณะอาการอัมพาตเล็กน้อย และก็จำต้องสวมเครื่องที่ใช้สำหรับในการช่วยหายใจตรงเวลายาวนานหลายสัปดาห์ ทั้งมีภาวการณ์ติดเชื้อโรคในปอด จำต้องให้ยารักษาการบาดเจ็บรอบๆไขสันหลัง ในที่สุดเขาก็เสียชีวิตในตอนต้นตุลาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

งานศึกษาเรียนรู้วิจัยของ ดร. ดอน กำลังถูกรื้อถอนขึ้นมาเรียนอีกที รวมทั้งเป็นหน้าที่ของบีเคเอฟซี ที่จะจะต้องพิสูจน์ว่า ทั้งปวงที่พวกเขาเคยทำยังคงมีความปลอดภัยที่น่าไว้ใจ นี่บางครั้งก็อาจจะเป็นอุบัติเหตุ ทั้งก่อนหน้านี้ แวดวงต่อสู้อื่นๆก็มีเหตุที่นักกีฬาเสียชีวิตเช่นเดียวกัน

แม้กระนั้นการต่อสู้ก็จำต้องเดินต่อไป เพราะว่าตลาดของแวดวงนี้ยังคงเข้มข้น ทั้งยังมวยสากล,เอ็มเอ็มเอ และก็บีเคบี กำลังต่อสู้แย่งความชื่นชอบกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน โน่นเป็นเหตุผลที่ว่าบีเคเอฟซี จะยอมแล้วปลดปล่อยให้ภาพลักษณ์ที่พวกเขาพากเพียรปรับปรุงมากมายว่า 10 ปีถูกทำลายลงมิได้

https://www.edmontondiscgolf.org/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *